ชื่อ นางสาวกัสมา โต๊ะหลี ชื่อเล่น กัส ปี 3 สาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยพายัพ Location : The Lodge Casino, Black Hawk, Colorado Position : Host and Cashier @ Season Buffet Rate : 16$/hr + tips OT 24$ Housing : 175$/2week งานที่เราทำ คือ Host and Cashier ชั่วโมงงานวันละ 9-12 ชั่วโมงแล้วแต่วัน เราจะได้ทำทั้งสองหน้าที่ เลยแบบสลับๆวันกันไปบางวันเป็นhost บางวันเป็นcashier หรือบางทีเราเข้า2กะ เพราะร้าน buffet มันจะมีช่วงปิดระหว่างมื้อเราก็จะได้เป็น host มื้อ Breakfast แล้วเปลี่ยนไปเป็นCashier ช่วง Lunch อะไรทำนองนี้ ซึ่งตำแหน่งนี้มีอาหารฟรี คือกินbuffet ในร้านได้เลย 2มื้อต่อวัน และมีBreakย่อยจะได้พัก 15 นาที 2 ครั้ง กับช่วงปิดร้านระหว่างมื้อจะได้พัก 1 ชั่วโมง เรารู้สึกว่างานนี้สนุกดีแต่รู้สึกกดดันตอนทำCashier เพราะจะมีลูกค้าวีไอพีบ้าง มีลูกค้าทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่เป็นไรนะคะ แค่ Call security ภายใน5 วิ security จะเข้าชาร์จลูกค้าที่มีปากเสียงแล้วเชิญออกทันที ทำให้เรารู้สึกว่างานนี้ปลอดภัยดีค่ะ แนะนำาาาาา

ชณานนท์ เมฆดำ ชื่อเล่น ซูกัส มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะวิทยาลัยนานาชาติจีน สาขาธุรกิจ ไปทำเวิร์คที่ THE ROW RENO NEVADA POSITION : STEWARD เหตุผลที่เข้าร่วมโครงการหลัก คือเพื่อนชวนแล้วก็อยากลองหาประสบการณ์อะไรใหม่ๆ เจอผู้คนใหม่ๆ ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ไปเที่ยวไป ใช้ชีวิต ไปหาเงิน steward งานหลักๆเลย คือ ล้างจานตามร้านอาหาร แต่บางคนจะมีได้ไปล้างจานที่งานเลี้ยงบ้างบางคน ได้ไปเข็นรถขยะ เก็บขยะหลังร้านทุกร้านอาหารในโรงแรมบ้าง บางคนก็ได้ไปล้างครัวร้านอาหาร แล้วแต่ว่า supervisor จะให้ไปไหนในแต่ละวันเลย ค่าแรงที่ได้จะได้ 16$/ชม ส่วนot คือ 24$/ชม ปกติจะได้ทำงาน วันละ 8 ชม 5วัน ต่อสัปดาห์ จะได้ 40ชม บางสัปดาห์บางคนจะได้otเพิ่ม 1วัน ต่อสัปดาห์ หรือไม่ก็ 1ชม ต่อสัปดาห์ หรือไม่ก็ไม่ได้เลยแล้วแต่ว่าสัปดาห์นั้นมีงานเลี้ยงหรืออีเว้นอะไรไหม ช่วงวันศุกร์ เสาร์จะเป็นวันที่ลูกค้าเยอะที่สุดในสัปดาห์ อา-พฤ จะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่สวัสดิการที่มีให้ที่เห็นและก็เคยใช้ จะมีที่พักพนักงาน ค่าอาหารที่โรงอาหารพนักงาน 2.50$ ส่วนลดสำหรับพนักงาน 10% โซนสลัดบาร์ที่โรงอาหารฟรี น้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ฟรี คอนเฟล็ก นม ไอติม ฟรี

เบญญาดา ฉัตรรวีภัส ชื่อเล่น โฟร์ท มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะวิทยาลัยนานาชาติจีน สาขาธุรกิจการค้าระหว่างประเทศค่ะ ได้ไปทำงานที่ The Row Reno Nevada ตำแหน่ง : Steward เหตุผลที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ คือโฟร์ทต้องการที่จะออกจาก Comfort Zone อยากไปค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ประจวบเหมาะกับที่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เราจะไปโปรแกรมนี้ได้เนื่องจากเรียนจบปี 4 พอดี เลยตัดสินใจเข้าร่วมโครกงาร Steward งานหลักๆเลยก็คือการล้างจาน ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็นกะเช้า และกะเย็น ซึ่งโฟร์ททำเป็นกะเช้า งานส่วนใหญ่ก็จะเป็นทำอยู่ที่ EDR หรือโรงอาหารพนักงาน ทุกวันก็จะล้างจานจากพนักงานและพวกเครื่องครัวจากเชฟ แต่จะมีบางวันที่จะได้ขึ้นไปทำงานเลี้ยง ซึ่งแต่ละวันเราก็ต้องไปรับงานจาก Supervisor ที่แสกนบัตรเข้า งาน สำหรับค่าแรงจะอยู่ที่เรท 16$/hr และเรท OT อยู่ที่ 24$/hr ซึ่งขั้นต่ำของงานนี้เราจะได้ทำงาน 8 ชม 5 วันต่ออาทิตย์ แต่จากที่ไปทำมาส่วนมากทุกคนจะได้ทำโอทีเพิ่มกันคนละวันเกือบทุกคน และมีบางโอกาสอาจจะได้ทำเพิ่มอีกในช่วงที่มีเทศกาลต่างๆ (โฟร์ทไปช่วง Spring) สำหรับสวัสดิการจากทางโรงแรมก็จะมีเป็นเครื่อง แบบยูนิฟอร์มที่เขาจะให้มาคนละ 3ชุด หลังจากใส่ทำงานเสร็จก็จะมีบริการซักให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งอาหารในโรงอาหารพนักงาน จะมีราคา 2.5$ ต่อมื้อ แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินก็จะมีโซนสลัด ผัก น้ำดื่ม ผลไม้ คอนเฟล็ก นม ไอติม ให้ฟรีด้วย และนอกจากนี้ก็จะมีเป็นส่วนลด 10% สำหรับพนักงานหากไปซื้ออาหารหรือของภายในโรงแรม

ธัญยธรณ์ พิพัฒนานนท์ (สมาย) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะวิทยาลัยนานาชาติจีน สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ชั้นปี4 The row Reno Nevada ตำแหน่ง Barista ด้วยความที่คณะเราเรียน 3ปีครึ่ง เลยรู้สึกว่าอยากไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลังเรียนจบแล้วก็มีเพื่อนที่ไปมาปีที่แล้วนะนำให้ไปเลยลองไปกับเพื่อนๆดูค่ะ ตำแหน่ง Barista ในสายตาคนทั่วไปอาจจะคิดว่าเป็นการไปชงกาแฟอย่าง เดียว แต่จริงๆแล้วคาเฟ่ที่เราไปทำในโรงแรม จะมีทั้งเป็นcashier รวมไปถึง การที่ต้องจำชื่อเค้กต่างๆควบคู่ไปกับการชงกาแฟ และต้องเรียนรู้งานในทุก ด้านโดยจะมีเพื่อนร่วมงานเป็นคนสอนงานให้ ชั่วโมงการทำงาน 40ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่บางสัปดาห์ แต่ถ้าบางวันคนขาดตัวเมเนเจอร์จะเมลเรียกหรือโทรเรียกตามสถานการ ส่วนของเรทราคาจะเป็น 14ดอลต่อ ชั่วโมง แต่จะมีtipsรวมที่จะหารกันกับเพื่อนพนักงานในทุกๆวัน ส่วนตัวคิดว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างดี ส่วนตัวบ้านพักอยู่ห่างจากที่ทำงานประมาณ3-5นาทีเดิน ค่อนข้างปลอดภัยเพราะมีตำรวจเดินตลอดทั้งคืน รวมไปถึงโฮมเลสน้อย มีคนเมาบ้างเนืองจากเป็นโรงแรมคาสิโน คิดว่าเมืองRenoเป็นเมืองที่สงบและสะอาดมาก ห้างมีไม่เยอะ แต่รวมๆแล้วถือว่าครบ รวมไปถึงร้านอาหารต่างๆทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สเปน และการสั่งอาหารออนไลน์ที่เหมือนกัน กับประเทศไทย รวมไปถึงการเดินทางก็สะดวกมีทั้ง Uber และบัส แต่ถ้าใกล้ๆหรืออยากลองเปิดประสบการณ์ ก็มีสกู้ตเต้อที่มีอยู่ทั่วเมือง

สวัสดีค่ะ เราชื่ออริสรา ทรศัพย์ ชื่่อเล่นว่าอีฟ ปัจจุบันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ชั้นปีที่ 3 ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาได้เข้าร่วมโครงการ Work and travel ที่ South Lake Tahoe รัฐ California และได้เข้าทำงานที่ Camp Richardson ในตำแหน่ง Host ที่ร้านอาหารชื่อ The Grove เราตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Work and travel เพราะต้องการหาประสบการณ์ที่สร้างเสริมทักษะทางภาษา รวมไปถึงทักษะการใชช้ีวิตนอกจากนี้เรายังถือว่าโครงการนี้เป็นโอกาส ให้เราได้ไปพักผ่อนหย่อนใจที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนกลับมาเรียนในภาคการศึกษาต่อไป ในช่วงที่เข้าร่วมโครงการในฐานะ Host ที่ร้านThe Grove ได้รับมอบหมายให้คอย ยืนประจำหน้าร้านและคอยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งเรามีหน้าที่ในการทักทายพูดคุยกับลูกค้า และพาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับเมนูและเซ็ตผ้าเช็ดปากที่มาพร้อมกับมีด และส้อม นอกจากนี้ยังมีหน้าที่รับโทรศัพท์ลูกค้าที่โทรมา เพื่อสอบถามข้อมูลของร้านอาหารด้วย ภายในหนึ่งสัปดาห์จะทำงานอยู่ที่ 27-30 ชั่วโมง โดยเราได้ชั่วโมงละ 18$ และ นอกจากนี้ ในทุก ๆ paycheck ก็จะได้ส่วนแบ่งจากยอดขายของร้านอาหารด้วย เฉลี่ยแล้วได้300-400$ ต่อ paycheck ส่วนสวัสดิการที่เราได้ตอนทำงานคือเราสามารถซื้อ อาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ภายใน Camp Richardson ในราคาที่ลดไป 50% ตลอดช่วงเวลาทเี่ราทำงานที่เมือง South Lake Tahoe เราก็รู้สึกเหมือนเราได้เที่ยวทุกวันแล้ว เพราะเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดเวลา ส่วนการเป็นอยู่ก็ครบครันมาก ๆ เพราะมีรถเมล์ฟรเีข้าเมืองตลอดเช้ายันค่ำ และใจกลางเมืองที่มี ทั้งห้างและร้านอาหารอยู่ใจกลางเมือง การไปสหรัฐอเมริกาครั้งนี้เราได้ทั้งโอกาสในการท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวทักษะมากมาย ซึ่งเมืองที่เราได้มีโอกาสไปเที่ยวคือ Manhattan, Washington, D.C. , Chicago และ Los Angeles ซึ่งทุกเมืองที่เลือกไปเป็นเมืองที่เดินเที่ยวได้มีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก และทุกเมืองที่เราไป เรายังได้โอกาสซื้อของแบรนด์เนมที่ราคาถูกกว่า ประเทศไทยหลายเท่า รวมไปถึงได้ลองกินร้านอาหารดังที่ไม่มีในประเทศไทย ส่วนประสบการณ์ที่สำคัญมาก ๆ ที่เราได้รับคือได้ลองใช้ชีวิตในต่างแดนท่ามกลางสภาพแวดล้อม และภาษาที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งทำให้เราได้เติบโตแบบก้าวกระโดดและมีพัฒนาการในทุก ๆ ด้านของการใช้ชีวิต สุดท้ายแล้วเราอยากฝากทุก ๆ คนที่อยากเข้าร่วมโครงการ Work and travel ในปีถัดไปว่า ไม่ต้องคิดเยอะเลย มันเป็นประสบการณ์ที่อย่างน้อยควรทำอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ถ้ามีอะไรที่ยังกังวลหรือไม่แน่ใจให้แนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อ เตรียมพร้อมรับมือกับมันมากกว่าการเอา “ความเสี่ยง” หรือ “ความกลัว” มาเป็นตัวชี้ว่าเราไม่ควรเข้าร่วมโครงการนี้

สวัสดีค่ะ เราชื่อดรีม จะมารีวิวการไป Work and travel summer 2023 บอกก่อนว่าอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าทำไมมันดีไปหมด แต่เราคิดว่าเราโชคดีจริงๆนั่นแหละ เราทำ housekeeping ที่ Harrah’s Atlantic City, New Jersey ต้องบอกก่อนว่าการเลือกเมืองและเลือกงานของเราไม่ได้มีการเตรียมตัวหรือศึกษามาก่อนเลยยย เรากับเพื่อนอีก1คนตัดสินใจสมัครโครงการนี้ประมาณเดือนมีนา ซึ่งช้ามาก หลายๆเจ้าปิดรับสมัครกันแล้ว เราตัดสินใจเลือก IEE เพราะรู้สึกชอบแล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ เราบอกว่า อยากได้งานที่เรทเยอะๆ พี่ๆก็จัดมาให้เลย 19$/hr จุกๆ มีใครให้เท่านี้ได้บ้าง55555 ตั้งแต่วันสมัครจนถึงวันสัมวีซ่า พี่ๆก็ดูแลดีมาก เราถามซ้ำๆก็ยังตอบเรา เรื่องเอกสารก็คือ “สบายสุดๆ” ไอเลิ้บ มาในพารท์ตอนอยู่เมกาบ้างบอกตามตรงว่าก่อนมาเราอ่านรีวิวมาเยอะมากทำให้เรากังวลอยู่บ้าง ตอนถึงเมกาช่วงวีคแรกคือ ดาวน์มาก คิดถึงบ้านจะกลับบ้านให้ได้555555 แต่เราก็ผ่านมาได้เพราะมีเพื่อน ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ มีเพื่อนโดมินิกัน มองโกเลียด้วย บวกกับได้เริ่มทำงาน ทีนี้เริ่มสนุกไม่อยากกลับละ เราทำงานเดียวคืองานhousekeeping ของคนอื่นเป็นยังไง แต่ของเรากล้าพูดเลยว่าสบายมาก ด้วยความที่ทำกะดึก เข้างาน4โมง เลิกเที่ยงคืน งานชิล ทำ5วันต่อวีค วันละ8hr ซุปใจดี ทิปจุกๆ เคยเจอguestคนนึงมาขอผ้าขนหนู เราหยิบให้พร้อมกับยิ้มหวานๆหนึ่งทีก็ได้มาละ 20$ เคยมีวันนึงได้ทิปกัน 60$อะท่ามผู้โช้มมม ที่โรงแรมของกินก็เยอะ วันๆวิ่งกดไอติมโรงแรมไม่ต่ำกว่า 5รอบ เอนจอยสุด paycheckออกแต่ละครั้งนี่พากันช้อปฉ่ำ ไอเรามันก็บ้านใกล้outletด้วยอะดิ กลางคืนทำงาน กลางวันช้อปปิ้ง ชีวิตมันจะดีอะไรขนาดนี้ day off ก็ไปเที่ยว ได้เจอเพื่อนดีๆ ได้รู้จักคนน่ารักๆเยอะแยะ คือเป็นช่วงสามเดือนที่เรามีความสุขมากๆๆๆๆๆ ยกให้เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิตเลยย เมืองที่เราอยู่ก็โอเคนะ คนผิวสีเยอะหน่อย ตอนวันจบงาน ร้องไห้หนักมาก ไม่อยากกลับ อยากทำต่อซุปก็ทำซึ้งเกิน ให้ขนมแล้วเขียนโน้ตให้แต่ละคนแต่ก็หายเศร้าด้วยการเที่ยวต่อเราไปเที่ยวNYCต่อด้วยDisney world กับ Universalที่ Florida เที่ยวคุ้ม ใครที่ยงัลงัเลอยู่ ไปเลยค่ะ สักครั้ง ลุย! มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ คิดถึงเมกาาา

สวัสดีค่ะชื่อ มณฑิตา กิจสาลี เรียกว่าตังเม ก็ได้ค่ะ มาจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาการจัดการอีเว้นท์ ปีที่ 4 ไปทำงานที่ Bally’s Lake Tahoe Casino Resort ตำแหน่ง Host มาค่ะ เลือกที่จะเข้าร่วมโครงการนี้เพราะอยากอัพสกิลภาษา เพราะปีที่แล้วได้ไปเวิร์คมาแล้วได้ทำตำแหน่งที่ไม่ค่อยได้คุยกับลูกค้า ปีนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้มาเวิร์คจึงเลือกที่จะได้ทำตำแหน่ง Front บวกกับเราเรียนมาด้าน Service ด้วยเลยได้ใช้ประสบการณ์จากที่เรียนมาใช้ในการทำงานจริง สนุกกับการคุยกับลูกค้ามากๆ ตำแหน่งที่ไปทำคือตำแหน่ง Host คือตำแหน่งที่ต้องต้อนรับลูกค้าและพาลูกค้าไปนั่งโต๊ะตาม Section ของเสิร์ฟเวอร์ที่แบ่งไว้ มีหน้าที่จัดการเมเนจโต๊ะตามลำดับให้กับเสิร์ฟแต่ละคนเท่าๆกัน และทำหน้าที่คิดเงินจากบิลที่ลูกค้ามาจ่ายที่แคทเชียร์ ทั้งเงินสด บัตรเครดิต หรือ Compliment Card รวมถึงใส่ส่วนลดต่างๆให้กับสมาชิกคาสิโนที่มาทานอาหาร นอกจากนี้ถ้าลูกค้ามาสั่ง To go order เราต้องเป็นคนทำออเดอร์ให้ลูกค้าตั้งแต่สั่งอาหาร แพ็คอาหาร ไปถึงนำอาหารไปส่งลูกค้า และหน้าที่อื่นๆทั่วไปอย่างทำความสะอาดหน้าร้าน ปิดบิลแต่ละวัน นำเงินเข้าธนาคารโรงแรมทุกวัน ทำงาน 32-40hr./week Rate 15$ สวัสดิการที่ได้ก็จะเป็นส่วนลดสั่งอาหาร 25% ได้ Tip จาก To go order ในบางวัน Lake Tahoe เป็นเมืองที่สวย อากาศดี นักท่องเที่ยวเยอะ ติดทะเลสาบและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ฮิตมากๆ ในอเมริกา ช่วงวันหยุดมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวตลอด ช่วงที่ไปถึงแรกๆเดือนมิถุนายนหนาวมาก แต่พอเข้าเดือนกรกฎาก็เริ่มร้อน ร้อนจนพัดลมขายดี แต่พอหมดกรกฎาก็กลับมาหนาวยาวๆเลย การเดินทางสะดวกมี Free Taxi, Free Bus ทั่วเมือง ร้านค้ามีขายของสะดวก แต่ฝั่ง Nevada ภาษีจะถูกกว่าหน่อยนึง โดยรวมค่าครองชีพก็ถือว่าแพงแต่พอรับได้อยู่ได้นะ มีบีชใกล้ๆในเมืองที่ไปง่ายๆเยอะ ถ้าอยากไปจุดสวยๆในรูปอาจจะต้องเรียกอูเบอร์ไป แต่แค่หาดฟรีแถวบ้านก็สวยแล้ว ได้มีโอกาส Road Trip ไปที่ LA และ San Francisco โดยเริ่มจากเมือง Reno ขับยาวๆ เกือบ 10 ชั่วโมงถึง LA ได้ไปเที่ยวDisney Land ทั้งหมด 3 วันสนุกจนไม่อยากกลับ พอมาถึง LA ก็ไม่พลาดไปช็อปปิ้งที่ Outlet พอหมดไปหลายดอล ก็ถึงเวลาขับรถไปกันต่ออีก 6 ชั่วโมงไปที่ซานฟราน ต่ออีกสองวัน ไปดูน้องอุ๋งๆที่ Pier 39 เช็คอินที่สะพาน Golden Gate ก่อนจะไปต่อที่ญี่ปุ่นอีก 5 วันเป็นอันจบทริป!!! ประสบการณ์ที่ได้จากการไป WORK AND TRAVEL ครั้งนี้ คือ ได้พัฒนาทักษะ Speaking เยอะมากๆ เพราะงานโฮสเป็นงานที่ต้องพูดคุยกับลูกค้า และได้รับประสบการณ์การพึ่งตัวเองเป็นยอดดี สอนให้รู้ว่าไม่มีใครที่เราจะพึ่งได้มากเท่าพึ่งสติเราและลงมือทำ เพราะงานโฮสเป็นงานที่อยู่ตรงกลางระหว่างสื่อสารกับลูกค้าไปยังเสิร์ฟเวอร์และในครัวถ้าขาดสติสื่อสารพลาดตั้งแต่ แรกจะทำให้งานพังทั้งหมด รวมไปถึงได้รู้การวางแผนเวลาชีวิตยังไงให้ทำงานหลักได้ดี และมีเวลาไปทำงานสองต่อ ได้ประสบการณ์เยอะมากจริงๆกับการบริหารเวลา ยิ่งในช่วงลูกค้ามาออต่อแถวเยอะๆนะ แรกๆไปไม่ถูกเลยว่าจะต้องทำอะไรก่อน วุ่นไปหมด โดนด่ามาเยอะมาก แต่หลักๆประสบการณ์สอนให้เราแกร่งขึ้น จนตอนจะกลับไทย มีแต่คนไม่อยากให้กลับ5555 ใครที่อยากลองมาแล้วกลัวไม่มีเพื่อน ไม่ต้องกลัวนะ เรามาคนเดียวติดกันสองปี หาเพื่อนข้างหน้าได้ หรือถ้าไม่มีเพื่อนประสบการณ์ดีๆจะสอนเราแทนการมีเพื่อนเอง โอกาสแบบนี่อเมริการอคุณอยู่ บอกเลยเป็นจะเป็นประสบการณ์ที่กลับมาเล่ากี่ปีก็ไม่หมด ลองดูเถอะ จะไม่เสียดาย

สวัสดีคร้าบบบบ ชื่อสิทธิโชค บุพะคดีนะครับ ชื่อเล่นว่านพ ปัจจุบันเป็นนิสิตการตลาดชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไป Work and Travel ช่วง Spring มาครับ เหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนะครับ คือเห็นรีวิวมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ได้ยินชื่อเสียงของโครงการนี้มานานนนนมาก เลย อยากลองเปิดประสบการณ์ดูซักครั้ง บวกกับเหตุผลหลักๆเลยคือ เงิน คนที่ไปมาส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เงินฉ่ำ 5555 แล้วก็ฉ่ำจริงง เท่านั้นแหละครับ เลยตัดสินใจที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยที่ที่ผมไปมาก็คือ Foxwoods resort and casino ได้ไปทำ ตำแหน่ง Quick service attendant มาซึ่งตำแหน่งนี้นะครับ ได้ทำทุกอย่างงงเลย สนุกมาก ได้ไปทำที่ร้าน Regina pizzeria ทำ ทุกอย่างจริงๆ เป็นแคชเชียร์ ทำพิซซ่า เตรียมแป้งพิซซ่า เตรียมท้อปปิ้ง ฟิน สนุกมากไม่รู้จะอธิบายยังไง อยากให้ได้ลอง ฝึกสกิลหลายๆด้าน แต่เด่นๆก็ฝึกสกิลภาษาอังกฤษเน้นๆ ทั้งคุยกับเพื่อนร่วมงาน คุยกับลูกค้า ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆอย่างนึง และที่ สำคัญ สบายไปอีกขั้น คือนอนในโรงแรม ทำงานในโรงแรม เหลือจะเชื่อ เดินจากที่พักไปที่ทำงาน ใช้เวลาแค่ 7 นาที ถ้าเดินปกติ เดินแบบรีบหน่อยก็ 4 นาที 55555 ได้ตารางงานมาคือ ได้ทำงาน 40 ชั่วโมง/วีคครับ ค่าแรงช่วงแรกๆได้ 15.69ดอล/ชั่วโมง แต่ ช่วงใกล้กลับเค้าอัพค่าแรงขึ้นเป็น 16.16ดอล/ชั่วโมง นอยแย่ พึ่งมาขึ้น ละสวัสดิการของที่ทำงานไม่รู้นะว่าใช่สวัสดิการไหม แต่ ว่าฟินมากคือ OT ทำงานเกิน 40 ชั่วโมงได้ค่าแรง สองเท่า ฟังไม่ผิด สองเท่า ฟินมากกกก ฟินมากจริงๆ ต้องยอมรับนะอันนี้ โดย Foxwoods ก็เป็นโรงแรมในรัฐ Connecticut ครับ ตั้งอยู่ในเมือง Ledyard ไม่แน่ใจว่าใช่เมืองมั้ย แต่รอบๆจะเป็นป่า เป็น ต้นไม้ ภูเขา ร่มเย็นมาก หนาวด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเป็นป่า แต่ก็สะดวกครับ ใช้ชีวิตไม่ยาก มีบัสให้นั่ง ไปเที่ยวสบายๆ บางวีคก็ไปเที่ยว Boston บางวีคก็ไป Rhode island ฟินๆ เที่ยวในอเมริกามันสะดวกดีครับ ไม่ค่อยยุ่งยาก การไปเวิคครั้งนี้ก็ถือว่า เป็นอีกประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากจริงๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ได้ลองไป เพราะนี่ก็อยากไปอีกรอบ เหมือนกันถ้ามีโอกาส 55555 ฝากถึงคนที่อยากเข้าร่วมโครงการในอนาคตนะครับ ถ้าลังเลอยู่ ไปเลย จะได้ไม่มาเสียดายทีหลัง ไป ให้มันจบๆ ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที

ชื่อ วนิดา นามสกุล ชื่นนอก ชื่อเล่น วิว เรียนที่คณะ ศิลปศาสตร์ สาขานวัตกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ ชั้นปีที่ 3 ไปทำงานตำแหน่ง Jake’s attendant ที่โรงแรม The lodge casino รัฐColorado รายละเอียดงานเป็นร้านเบอร์เกอร์ไม่ใหญ่มากในโรงแรมคาสิโน ได้ทำทุกอย่างเลยทั้งห่อเบอร์เกอร์ ทอดไก่ ทุกตำแหน่งในร้าน คุยกับลูกค้า ช่วยลูกค้าสั่งเมนูกับเครื่อง เพื่อนร่วมงานน่ารักมากๆ อาจจะเพราะนิสัยเด็กไทยที่ยิ้มแย้มและสู้งาน เกือบทั้งหมดในร้านพูดภาษาสเปนกัน ตอนแรกก็ช็อคนิดหน่อย แต่พอปรับตัวได้ช่วง2-3อาทิตย์แรก ก็ได้ภาษาสเปนมาโดยไม่รู้ตัวเลย กลายเป็นคนที่พูดภาษาสเปนนิดหน่อย เพื่อนร่วมงานทุกคนน่ารักมากๆเอ็นดูเราเหมือนคนในครอบครัว บางครั้งก็ไปส่งที่บ้านพัก ทำอาหารมาให้กินบ้าง หรือ Day-off ตรงกันก็จะพาไปเที่ยวในเมือง เหตุผลที่เข้าร่วมโปรแกรมเพราะ ได้เห็นเพื่อนปีก่อนหน้าแล้วดูสนุก ได้ใช้ชีวิตและมีประสบการณ์ชีวิตมากมาย รวมถึงอยากลองไปอเมริกาสักครั้ง เลยตัดใจสมัครในปีถัดมา แล้วก็ตัดสินใจไม่ผิดที่ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ ชั่วโมงการทำงาน ได้แต่ละอาทิตย์ไม่เท่ากัน แต่ไม่เคยต่ำกว่า 32 ชั่วโมงตามเอกสาร ส่วนมากจะได้ 40 ชั่วโมงพอดี บางครั้งจะได้ OT เมื่อเพื่อนร่วมงานลา ได้แบบฉ่ำมากกกก วันนึงทำ 10 ชั่วโมงต่อ 1 วัน เวลาเบรก 2 รอบ 30 นาที แล้วแต่ร้าน เพราะเพื่อนที่ทำอีกร้านนึงได้เวลาเบรคไม่เหมือนกัน สวัสดีการดีมากๆๆ เราจะมีบัตรสำหรับรูดซื้ออาหารวันละ 20$ ถือมากเยอะมากๆๆ คือกินฉ่ำ สามารถรูดได้หมดในเครือร้านอาหารเดียวกัน สิ้นเดือนจะมีปาร์ตี้โรงแรมมีการเลี้ยงอาหารให้กับพนักงงานและมีจับรางวัลให้พนักงาน เพื่อนที่จับได้ 100$ คือที่สุด และก็จะมีเครื่องนวดให้เราสามารถใช้ได้และห้องงีบหลับ ถือว่าเริ่ดมากๆ การเดินไปทำงานฟรี!! เพราะจะมีรถรับ-ส่งของโรงแรมให้ฟรี วิวข้างทางคือหลักล้านมากๆ ความเป็นอยู่ในเมืองนี้ถือว่าดีมากๆ สงบและปลอดภัยสุดๆ ไม่ค่อยเจอการทุบหรือขโมยเลย บ้านพักใกล้กับห้างout let และBus center สามารถเดินไปsuperได้ อากาศดีมากๆ ผู้คนอัธาศัยดีชอบช่วยเหลือด้วย มีครั้งนึงเพื่อนบ้านพาไปเปิดธนาคารและให้เขียงมาใช้บอกว่าเป็นของขวัญต้อนรับ 555555 ประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยว ถือว่าเป็นกำไรที่ชีวิตมากๆ เพราะเมืองที่อยู่ธรรมชาติสวยมากๆ เหมือนกับหลุดไปในอีกโลกนึง ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ เช่นการปีนผา สนุกมากๆ เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้ ประสบการณ์ที่ได้จากการไป work and travel เป็นประสบการณ์ที่เริ่ดที่สุด ถือเพื่อนต่างชาติดี เพื่อนร่วมงานดี ทุกอย่างๆดีไปหมดจริงๆ เป็นการทำงาน 3 เดือนที่ทั้งเหนื่อยและสนุกไปพร้อมๆกัน ได้ปาร์ตี้กับเพื่อนต่างชาติ แลกวัฒนธรรมต่างๆ การไปครั้งนี้ทำให้ตัวเองโตขึ้น ทั้งความคิด การตัดสินใจและการใช้ชีวิตในต่างแดนครั้งแรก ไปแล้วอยากไปอีกมีรอบ 2 แน่นอน สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าได้ดีมั้ย ตอบได้เลยว่า ไปเลยมันดีมากๆ ได้ลองใช้ชีวิตนอกกรอบ ได้อะไรที่ไม่เคยทำแน่นอน มันสนุกมากๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ จะเป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีที่สุดในช่วงปิดเทอม!

ชื่อ นางสาวจุฑามาศ กล้ามาก ชื่อเล่น ปี่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สาขา เภสัชศาสตร์ อุตสาหกรรม ชั้นปีที่ 2 ทำงานที่ The Row Reno Nevada ที่ร้าน Café central โรงแรม Silver legacy ตำแหน่ง steward(dishwasher) เข้าร่วมโครงการ work and travel เพราะอยากหาประสบการณ์การทำงาน และประสบการณ์การท่องเที่ยวในต่างประเทศ และฝึกการใช้ชีวิตด้วยตนเอง รวมถึงการฝึกฝนและพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อเอาตัวรอดและเพื่อการสื่อสาร หน้าที่หลัก ๆ คือล้างจาน และเติมจานให้เชฟ ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ในช่วงแรกจะได้ทำงานสัปดาห์ละ 5-6 วัน แต่ช่วงหลังจะได้สัปดาห์ละ 5 วัน ค่าแรงชั่วโมงละ 16$ แต่หักค่าภาษี เหลือชั่วโมงละ 15.3$ แต่สามารถทำ tax refund ได้ หลังจากจบโครงการและหากทำงานเกินสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมงจะได้แรง OT ชั่วโมงละ 24$ ได้รับค่าแรงทุก ๆ 2 สัปดาห์ ในวันปฐมนิเทศ นายจ้างจะให้ตารางวันที่ได้รับเงินของแต่ละรอบ สวัสดิการที่ได้จากงานโรงแรมคือได้ค่าอาหารที่ราคาถูกมากๆ ช่วงบ่ายจะมีสลัดบาร์ให้รับประทาน ฟรีและยังมีน้ำ นม กาแฟ ซีเรียล ให้ทานฟรีตลอดทั้งวันอีกด้วย และในส่วนของหนูที่ทำงาน Café central จะมีบริการอาหารจากทางร้าน(ตีสนิทกับเชฟ)อยากทานอะไรก็บอกได้ความเป็นอยู่ของเมือง Reno คนค่อนข้างน้อย ไม่พลุกพล่าน การจราจรไม่ติดขัด มีแค่บางวันที่โรงแรมมีEvent จะมีรถติดบ้าง ร้านอาหารจัดว่าเยอะพอสมควรและค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งอาหารเอเชียและอาหารยุโรป และอื่นๆ มีpark อยู่ใกล้ๆ สามารถเดินไปได้ สวยและบรรยากาศดีสามารถไปเดินเล่น และมีคนพาสัตว์เลี้ยงไป เดินเล่นด้วย พักผ่อนและทำกิจกรรมได้มีสนามบาสและเทนนิส และมีสวนสนุก บางวันมีEventริมแม่นน้ำมีของขาย โดยเฉพาะในช่วงsummerจะมีคนไปเล่นน้ำและมีคอนเสิร์ตบ่อยๆ มีห้างสรรพสินค้าที่เดิน ไปได้และที่ต้องนั่งรถโดยสารไป เดินทางสะดวก มีสถานีรถบัสอยู่ใกล้โรงแรม รวมถึงมี Amtrak สามารถเดินทางข้ามstateได้อย่างสะดวก รวมถึงมีสนามบิน reno โดยเฉพาะ ซึ่งห่างจากโรงแรมไม่ ไกล และมีบริการรับส่งจากโรงแรมด้วย สถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นแนวธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่หากรู้สึก เบื่อสามารถเดินทางไปเที่ยว Lake Tahoe ซึ่งไม่ไกลมาก สามารถเที่ยว one trip ได้ผู้คนใจดี มีhomeless บ้างแต่ไม่ได้เยอะมาก และไม่มีใครสนใจเรา ประสบการณ์การท่องเที่ยว Lake Tahoe และ Reno คือดีมากๆๆ วิวสวย น้ำาใส การเดินทางสะดวกสบาย รู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจกับ Casino มากๆๆๆและผู้คนniceมากๆๆๆๆๆ ประสบการณ์ในการไป work and travel ครั้งนี้ ท าให้ได้เพื่อนใหม่เยอะแยะมากมาย ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ได้เรียนรู้การท างานร่วมกับคนหลายๆคน หลากหลายแบบ และได้ฝึกการเอาตัวรอดด้วยตัวเองเนื่องจากเดินทางไปคนเดียว ได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษใน การสื่อสาร ได้ฝึกการจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง ฝึกการบริหารเงิน การเสียใจคนเดียวโดยไม่มี ครอบครัวหรือเพื่อนๆ อยู่ใกล้ๆ ได้ฝึกการใช้สติ