การได้ไปใช้ชีวิตและทำงานที่อเมริกาถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเดินทางไกลและการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง อาจทำให้เราเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ กันได้ การเตรียมความพร้อมเรื่องยาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้น้องๆ ดูแลตัวเองเบื้องต้นได้เมื่อมีอาการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรง บทความนี้จะมาแนะนำยาพื้นฐานที่น้องๆ สามารถหาซื้อได้เองในอเมริกาโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ หรือที่เรียกว่า “Over-the-Counter” (OTC) เพื่อให้น้องๆ สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมั่นใจครับ
ทำความรู้จักกับร้านขายยาและที่ซื้อยาในอเมริกา
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักสถานที่สำหรับหาซื้อยากันก่อนในอเมริกา น้องๆ สามารถหายาประเภท OTC ได้ง่ายตามร้านขายยาขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะไม่ได้ขายแค่ยา แต่มีสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ด้วย ร้านที่เป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ CVS Pharmacy และ Walgreens ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศและบางสาขาเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ตามซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ทั่วไป เช่น Walmart, Target, Costco หรือ Kroger ก็มีแผนกขายยา OTC ที่มีตัวเลือกหลากหลายไม่แพ้กัน น้องๆ สามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อยาที่ต้องการได้จากชั้นวางยาได้เลย
สิ่งสำคัญที่น้องๆ ควรรู้คือ ยาทุกชนิดในอเมริกาจะมีฉลากที่เรียกว่า “Drug Facts” อยู่บนกล่องหรือขวด ซึ่งจะระบุข้อมูลสำคัญไว้อย่างชัดเจน ได้แก่:
- Active Ingredient: ตัวยาสำคัญและปริมาณ
- Uses: สรรพคุณของยา
- Warnings: คำเตือนและข้อควรระวัง
- Directions: วิธีใช้และขนาดรับประทานตามช่วงวัย
- Other Information: ข้อมูลอื่นๆ เช่น การเก็บรักษา
- Inactive Ingredients: ส่วนประกอบอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวยา
การอ่านฉลาก “Drug Facts” ให้เข้าใจจะช่วยให้น้องๆ ใช้ยาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยครับ

ยาสามัญประจำบ้านที่หาซื้อได้ในอเมริกา
ต่อไปนี้คือรายการยาพื้นฐานสำหรับอาการต่างๆ ที่น้องๆ อาจพบเจอ พร้อมชื่อสามัญทางยาและชื่อยี่ห้อที่เป็นที่นิยม เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาครับ
1. ยาแก้ปวดและลดไข้ (Pain and Fever Relievers)
เป็นกลุ่มยาที่จำเป็นที่สุด ควรมีติดตัวไว้เสมอสำหรับอาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดประจำเดือน และลดไข้
- อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen): เป็นยาพาราเซตามอลที่เรารู้จักกันดีในประเทศไทย ปลอดภัยสำหรับอาการปวดและลดไข้ทั่วไป แต่ควรระวังไม่รับประทานเกินขนาดที่กำหนด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตับได้
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Tylenol (ไทลินอล)
- ขนาดรับประทานสำหรับผู้ใหญ่: โดยทั่วไปคือ 325-650 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือ 1,000 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen): เป็นยาในกลุ่ม NSAIDs มีฤทธิ์ลดไข้และบรรเทาอาการปวดที่มีการอักเสบร่วมด้วย เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ หรือปวดประจำเดือนได้ดี
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Advil (แอดวิล), Motrin (โมทริน)
- ขนาดรับประทานสำหรับผู้ใหญ่: 200-400 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน ควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
2. ยาแก้แพ้ (Allergy Relief)
สำหรับน้องๆ ที่มีอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้อากาศ (จาม, คันจมูก, น้ำมูกไหล) หรือแพ้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น แพ้ฝุ่น หรือขนสัตว์
- ลอราทาดีน (Loratadine): เป็นยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงซึม เหมาะสำหรับรับประทานในช่วงกลางวัน
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Claritin (คลาริติน)
- เซทิริซีน (Cetirizine): เป็นยาแก้แพ้ที่ออกฤทธิ์ได้ดี แต่บางคนอาจมีอาการง่วงซึมได้เล็กน้อย
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Zyrtec (ไซร์เทค)
- ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine): เป็นยาแก้แพ้รุ่นเก่าที่ออกฤทธิ์แรงและทำให้ง่วงซึม จึงเหมาะสำหรับบรรเทาอาการแพ้รุนแรงหรือรับประทานก่อนนอน
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Benadryl (เบนาดริล)
ขนาดรับประทานสำหรับผู้ใหญ่ (Loratadine/Cetirizine): 10 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
3. ยาแก้ไอและแก้หวัด (Cough and Cold Remedies)
อาการไอและหวัดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย การเลือกยาให้ตรงกับอาการจะช่วยให้หายเร็วขึ้น
- ยาแก้ไอ (Cough):
- Dextromethorphan (เดกซ์โทรเมทอร์แฟน): สำหรับระงับอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ (Cough Suppressant)
- Guaifenesin (ไกวเฟนิซิน): สำหรับขับเสมหะ ช่วยให้เสมหะเหนียวน้อยลงและไอออกมาง่ายขึ้น (Expectorant)
- ยาแก้คัดจมูก (Decongestant):
- Pseudoephedrine (ซูโดอีเฟดรีน) หรือ Phenylephrine (ฟีนิลเอฟรีน): ช่วยลดอาการบวมของหลอดเลือดในโพรงจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้น
- ยาอมแก้เจ็บคอ (Sore Throat Lozenges): ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและเจ็บคอได้ดี มีหลากหลายรสชาติให้เลือก
ยาแก้หวัดในอเมริกามักจะเป็นยาสูตรผสม (Combination) ที่รวมตัวยาหลายชนิดไว้ในเม็ดเดียวเพื่อบรรเทาหลายอาการพร้อมกัน น้องๆ ควรอ่านฉลากเพื่อเลือกสูตรที่ตรงกับอาการของตัวเองมากที่สุด
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Vicks (วิคส์) ซึ่งมีทั้งสูตรกลางวัน (DayQuil) ที่ไม่ทำให้ง่วง และสูตรกลางคืน (NyQuil) ที่ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น, Robitussin (โรบิทัสซิน), Mucinex (มิวซิเน็กซ์)
4. ยาสำหรับระบบทางเดินอาหาร (Digestive Health)
อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสีย ก็เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเราลองทานอาหารที่ไม่คุ้นเคย
- ยาแก้ท้องเสีย (Anti-Diarrheal):
- โลเพอราไมด์ (Loperamide): ช่วยชะลอการทำงานของลำไส้และลดจำนวนครั้งที่ถ่าย
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Imodium (อโมเดียม)
- ขนาดรับประทานสำหรับผู้ใหญ่: เริ่มต้น 4 มิลลิกรัม (2 เม็ด) หลังจากนั้นรับประทาน 2 มิลลิกรัม (1 เม็ด) ทุกครั้งที่ถ่ายเหลว แต่ไม่เกิน 8 มิลลิกรัมต่อวัน
- โลเพอราไมด์ (Loperamide): ช่วยชะลอการทำงานของลำไส้และลดจำนวนครั้งที่ถ่าย
- ยาลดกรด แก้ท้องอืด (Antacids):
- Calcium Carbonate (แคลเซียมคาร์บอเนต): สำหรับลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Tums (ทัมส์)
- Calcium Carbonate (แคลเซียมคาร์บอเนต): สำหรับลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก
- ยาแก้เมาเรือ เมาเครื่องบิน (Motion Sickness):
- Dimenhydrinate (ไดเมนไฮดริเนต):
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Dramamine (ดรามามีน)
- Dimenhydrinate (ไดเมนไฮดริเนต):
5. ยาสำหรับใช้ภายนอกและปฐมพยาบาล (First Aid)
อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ หรือการโดนแมลงกัดต่อยก็เป็นเรื่องที่ควรเตรียมพร้อม
- ยาทาฆ่าเชื้อ (Antiseptic/Antibiotic Ointment): สำหรับทาแผลสดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Neosporin (นีโอสปอริน)
- ยาทาแก้คันและผื่นแพ้ (Anti-Itch Cream):
- ไฮโดรคอร์ติโซน 1% (Hydrocortisone 1% Cream): เป็นสเตียรอยด์ชนิดอ่อน สำหรับทาเพื่อลดอาการคัน บวมแดง จากแมลงกัดต่อยหรือผื่นแพ้ที่ไม่รุนแรง
- ยี่ห้อที่รู้จัก: Cortizone-10 (คอร์ติโซน-เท็น)
- พลาสเตอร์ยา (Band-Aids): สำหรับปิดแผลขนาดเล็ก
- ผ้าพันแผล (Bandages) และเทปปิดแผล (Medical Tape)
การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรับมือกับอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยให้น้องๆ อุ่นใจและสามารถสนุกกับการใช้ชีวิตในโครงการ Work and Travel ได้อย่างเต็มที่ การรู้จักชื่อสามัญทางยาและยี่ห้อที่เป็นที่นิยมในอเมริกาจะช่วยให้น้องๆ สามารถเลือกซื้อยาที่จำเป็นได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ยา OTC เหล่านี้เหมาะสำหรับบรรเทาอาการเบื้องต้นเท่านั้น หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ยาไป 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีไข้สูงต่อเนื่อง หายใจลำบาก หรือมีอาการแพ้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ที่คลินิก (Urgent Care) หรือโรงพยาบาลทันที ขอให้น้องๆ ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพ มีสุขภาพแข็งแรง และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ กลับมานะครับ!